เพลงกล่อมเด็กปักษ์ใต้ |
เพลงกล่อมเด็กนี้ชาวใต้บางถิ่นเรียกว่า เพลงร้องเรือ และเรียกการเห่กล่อมว่า ร้องเรือ
แต่บางถิ่นเรียกว่า เพลงชาน้อง คำว่าชา มีความหมายว่า กล่อมขวัญ หรือสดุดี เช่น มีการชาขวัญข้าว
(สดุดีคุณแม่โพสพ) บางแห่งเรียกว่า เพลงน้องนอน ซึ่งหมายถึงเพลงกล่อมเด็กนั่นเอง
แต่เพลงร้องเรือ กับเพลงเรือ นั้นหาเหมือนกันไม่
การร้องเรือ หรือการกล่อมเด็กมีความมุ่งหมายสำคัญคือ กล่อมให้เด็กนอนหลับอย่างสบาย เด็กจะได้รู้สึกอบอุ่นทั้งทางกายและทางจิตใจ เพราะการกล่อมเด็กนั้นผู้กล่อมจะอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนแนบแน่นเข้ากับอกอย่างทนุถนอม
ปากก็ร้องเรือเบา ๆ พร้อมกับไกวอ้อมแขนไปมาช้า ๆ หรือไม่ก็นำเด็กใส่เปลแล้วไกวเปลช้า
ๆ โดยวิธีนี้เด็กจะรู้สึกอบอุ่นใจ ลีลาการร้องช่วยกล่อมให้เด็กฟังเพลินและม่อยหลับไป
การร้องเรือนอกจากจะมีประโยชน์ในการกล่อมเด็กโดยตรงแล้ว ยังเป็นสิ่งช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยหน่ายของผู้เลี้ยงด้วย
เพราะผู้เลี้ยงได้เพลิดเพลินเสียงเพลงของตัวเอง บางคนที่สุ้มเสียงดีก็ได้อวดเสียงไปในตัว
บางคนดัดแปลงลีลาการกล่อมเพิ่มการเอื้อนเสียงได้อย่างไพเราะอ่อนหวาน หากผู้กล่อมเป็นคนมีความในใจที่พูดออกได้ยาก
ก็นำเรื่องนั้นมาผูกขึ้นเป็นเพลงกล่อมเด็ก ได้มีทางระบายความอัดอั้นตันใจของตนอีกด้วย
เหตุนี้เองเพลงร้องเรือจึงได้มีข้อความหลายเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น บทล้อเลียนสังคม
ฝากรัก บอกรัก ตัดพ้อต่อว่า อบรมสั่งสอน และเนื้อร้องใดดีมีคติก็มักจะจดจำและ
ร้องกันอย่างแพร่หลาย เมื่อบทนั้น ๆ มีผู้นำไปร้องในตำบลอื่นบางทีมีการแก้คำให้เข้ากับท้องถิ่นของตน
หรือออกเสียงเพี้ยนไปตามถนัด เป็นเหตุให้เพลงกล่อมเด็กบางบทมีส่วนสำคัญตรงกันแต่ต่างกันบ้างในส่วนย่อย
เพลงกล่อมเด็กของชาวใต้บางบทกล่าวถึงเรื่องราวในนิทานพื้นบ้านที่แพร่หลาย
เช่น เรื่องนางโนรา หรือพระสุธน เรื่องนางเมรี เรื่องนางสิบสอง
เรื่องรามเกียรติ์ ฯลฯ จึงเป็นเหตุให้เพลงร้องเรือหรือเพลงกล่อมเด็กอำนวยประโยชน์เพิ่มจากการกล่อมให้หลับ
เป็นการอบรมสั่งสอนและให้ความรู้แก่เด็กไปพร้อม ๆ กันด้วย
นักแต่งเพลงกล่อมเด็กชาวใต้ บางคนเป็นนักปราชญ์
มองเห็นปรัชญาชีวิตจากสังคมหรือเกิดจากญาณทัศนะจากสิ่งแวดล้อม ได้นำเรื่องเหล่านั้นมาผูกเรื่องเป็นเพลงร้องเรือที่แฝงคติอันคมคาย
และใช้โวหารเปรียบเทียบไว้อย่างลึกซึ้ง มีค่าเข้าขั้นวรรณคดีมุขปาฐะ การศึกษาเพลงร้องเรือของชาวใต้จึงเป็นแนวทางการศึกษาวรรณคดีที่ดีเยี่ยม เพราะผู้ศึกษา
คือ กุลบุตรกุลธิดาเหล่านั้นไม่ต้องมีปัญหาเรื่องศัพท์สำนวนเพราะเป็นศัพท์ที่คุ้นหูกันอยู่แล้ว
ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กภาคใต้
เพลงโผกเปล
โผกเปลเหอ โผกไว้ช่อฟ้าปาขี้ลม
เทโวเทวาหกเจ็ดองค์ มาห่มรักน้องก้าไม่หวย
ลมพัดมาไม่โถกต้อง มาห่มรักน้องอยู่รวยรวย
ลมพัดไม่หวย ต้องด้วยความรัก..(เอ้อเหอ)..น้อง
ศัพท์ โผกเปล = ผูกเปล ปาขี้ลม = ท่ามกลางหมู่เมฆ
ไม่หวย = ไม่หวั่นไหว
โถก = ถูก
เพลงลมพัด
ลมพัดเหอ พัดมาวอกแวก
อกน้องเหมือนจะแตก
ใครเลยจะเข้ามาล่วงโร้
ถ้าเป็นน้ำเต้าหรือขี้พร้า
จะเผาให้คนแลกันโฉโฉ
ใครเลยจะเข้ามาล่วงโร้
ในอกในทรวงน้อง..เอ้อ...เหอ
ศัพท์ โร้ = รู้ ขี้พร้า = ฟักเขียว
โฉโฉ = ฉาวโฉ
เพลงปลูกมัน
ไปไหนเหอ พาน้องไปกัน
ถางไร่โปลกมัน
มันไม่ลงหัว
แผ่นดินหมั่นดี แต่มันหมั่นชั่ว
มันไม่ลงหัว สาวย่านไห้วัว..เอ้อ..เหอ..กิน
เพลงนกเขียว
นกเขียวเหอ เกาะเรียวไม้พุก
พ่อแม่อยูหนุก
โลกไปใช้นาย
ฝนตกฟ้าร้อง
พ่อแม่เขาอยูหนุกบาย
โลกไปใช้นาย
นั่งกินแต่น้ำตา
ศัพท์ ไม้พุก=ไม้ผุ
หนุก=สนุก โลก=ลูก ใช้นาย=เป็นทาสเขา
บาย=สบาย
เพลงขึ้นเหนือ
ขึ้นเหนือเหอ แลเรือเกยหาด
โปลกหลาตักบาตร น้ำแห้งเห็นทราย
กุ้งกั้งแมงดา บินมาพลอยตาย
น้ำแห้งเห็นทราย
พลอยตายด้วยเรือใหญ่
ศัพท์ โปลกหลา=สร้างศาลา
เพลงลูกสาว
ลูกสาวเหอ โลกชาวเรินออก
หัวนมผึ้งออก
บอกพ่อว่าเป็นฝี
พ่อแม่ไปหาหมอมารักษา หมอว่าอ้ายยะเต็มที
บอกพ่อว่าเป็นฝี
โลกสาวชาวเรินออก
ศัพท์ โลกสาว=ลูกสาว
เรินออก=บ้านถัดไปทางทิศตะวันออก
เพลงดอกเมละ
ดอกเมละเหอ น้องคือนางดอกเมละ
บานเหมือนอี้เปละ ลอยอยู่ในเลขี้ผึ้ง
ขนตกกะไม่ต้อง ฟ้าร้องกะไม่ถึง
ลอยอยู้ในเลขี้ผึ้ง
สาวน้อยคำนึงใจ
ศัพท์ ดอกเมละ=ดอกมะลิ อี้เปละ=บานเต็มที่จวนจะร่วงหล่นแล้ว เล=ทะเล คำนี้ตัดมาจาก ชเล ขนตก=ฝนตก
เพลงรักนุช
รักนุชเหอ สิ้นสุดพี่รักเจ้าหนักหนา
เหมือนเจ้าอุณรุทธ์รักอุษา นางสีดารักพระรามไม่คลายใจ
พระศรีสุธนทรงศักดิ์รักโนรา เหมือนตัวของข้ารักเจ้าหน้าใย
ทำปรือนางเนื้อเย็นจะเห็นใจ หกใสว่าพี่รักคนเอิน
ศัพท์ ทำปรือ = ทำอย่างไร
หกใส่ = ใส่ความ
คนเอิน = คนอื่น
เพลงนางแม่
นางแม่เหอ ที่เลี้ยงโลกมารักษายาก
พอโลกตกฟาก บนควายเขาทอง
เดือนเสเดือนห้า โนรามาแก้เมลยน้อง
บนควายเขาทอง
ให้ช่วยชีวิตโลก
ศัพท์ เดือนเส= เดือนสี่ แก้เมลย = แก้บน
สรุปประโยชน์ที่ได้จากเพลงกล่อมเด็ก
๑. เพลงกล่อมเด็กเป็นเหมือนกระจกเงาสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมในแง่ต่าง ๆ เช่น ความเชื่อ ความคิดเห็น ภูมิปัญญา ภูมิธรรม
๒. เพลงกล่อมเด็กสะท้อนให้เห็นประเพณีวัฒนธรรม
อันเป็นเครื่องปรุงแต่งสังคม และเห็นสภาพความเจริญทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ ซึ่งมักแทรกปนอยู่ในถ้วยคำที่นำมาเปรียบเทียบ
๓. เพลงกล่อมเด็กให้ความรู้เรื่องศัพท์ภาษา ได้รู้ศัพท์ สำนวนตลอดจนวิธีแสดงความคิดออกมาอย่างมีศิลปะ
เช่น การสร้างบรรยากาศ การใช้โวหารให้เห็นง่าย ให้ฟังได้รสทางภาษา
๔. ให้เกร็ดความรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น เกร็ดความรู้ทางด้านวรรณคดี
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การปกครองและครอบครัว
๕. เพลงกล่อมเด็กเป็นเครื่องอบรมสั่งสอนไปในตัว เพราะมีคติธรรมคติโลกปนอยู่ทุกบท
๖. เพลงกล่อมเด็กทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เป็นอาหารใจแก่ผู้ฟัง ผู้ชม และผู้สนใจ
๗. การศึกษาบทกล่อมเด็กในแง่ของวรรณศิลป์ ทำให้ซาบซึ้งได้ง่ายกว่า
เพราะใช้คำง่าย การศึกษาเพลงกล่อมเด็กจึงเป็นการปูพื้นด้านวรรณคดีเพื่อศึกษาในขั้นต่อไป
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น